แชร์

สมองกำหนดพฤติกรรม

อัพเดทล่าสุด: 11 พ.ย. 2025
75 ผู้เข้าชม

                         พฤติกรรมของมนุษย์ ที่การแสดงออกให้เห็นในเชิงลบเกี่ยวกับ เรื่องจิตสาธารณะ,การตระหนักรับรู้ในความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน(Empathy)   แต่ก่อนผมเชื่อว่า  ตัวแปรสำคัญที่ทำให้คนมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน คิดไม่เหมือนกัน มาจากการอบรมเลี้ยงดู หรือสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมให้เติบโตมาเป็น  โดยทุกวันนี้จะพบเห็นพฤติกรรมของคนพวกที่ไม่รับรู้ ไม่เข้าใจ ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น มากขึ้น แถมยังเอาแต่ใจและเอาเปรียบผู้อื่น โดยไม่รู้ตัว นับวันจะมีมากขึ้น   จากการได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับระบบสมอง พบว่ารากของปัญหา(root problem) ที่อธิบายในเชิงชีวศาสตร์ (Biology)  ในเรื่องสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความคิดเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy)  คือ อินซูล่า (Insula) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรู้และแบ่งปันอารมณ์ความรู้สึก และ เซลล์ประสาทกระจก (Mirror neurons) ซึ่งทำงานเมื่อเราสังเกตุการกระทำหรืออารมณ์ของผู้อื่น และช่วยให้จำลองสภาวะเหล่านั้นในสมองของตัวเอง  นอกจากนี้ ยังมีสมองส่วนหน้า (Prefrontal cortex) ที่มีบทบาทในการคิดวิเคราะห์และใช้เหตุผลเพื่อทำความเข้าใจมุมมองของผู้อื่น  รวมถึง ฟิวซิฟอร์ม (Fusiform) เป็นส่วนหนึ่งใน Visual Cortex ซึ่งทำหน้าที่รับและประมวลผลข้อมูลภาพที่ส่งมาจากดวงตา  มันช่วยแปลสัญญาณการมองเห็นของเรา จากสีหน้าแววตาผู้อื่น กลายเป็นการเข้าถึงใจทั้งการเข้าถึงใจผ่านความคิด (Cognitive Empathy) และ การเข้าถึงใจผ่านอารมณ์ความรู้สึก หรือร่วมรู้สึก (Emotional Empathy)    รวมถึงเข้าถึงใจผ่านการลงมือช่วยเหลือ (Compassionate Empathy) ดังนั้นหากสมองมนุษย์มีความบกพร่องในส่วนของการทำงานของสมองตามที่กล่าวมา  หรือมีพัฒนาการทางสมองที่ต่างกัน นั่นก็หมายถึงมนุษย์ก็จะมีความคิด ความรู้สึก ที่เกิดจากการทำงานของสมองที่ไม่เหมือนกัน  ส่งผลต่อการแสดงพฤติกรรมที่ต่างกัน   จึงเป็นสิ่งที่ยากจะแก้ไขในพฤติกรรมที่แสดงออกมา  พูดให้ตาย สอนให้ตาย ก็ได้แค่นั้น เพราะสมองพวกเขาได้แค่นั้น   เชื่อว่าหากมีระบบสมองที่สมบูรณ์ ทำงานเป็นปกติ  ตัวแปรเรื่องการอบรมเลี้ยงดู หรือสิ่งแวดล้อมที่ดี จะผลักดันให้คนๆนั้นมีความสมบูรณ์ในความเป็นมนุษย์ได้มากกว่าคนปกติทั่วไป     เป็นการยากที่จะไปเปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ได้ทุกคน สุดท้ายก็ทำได้เพียงสร้างกฏข้อบังคับ ลงโทษ เพื่อควบคุม ไม่ให้มีพฤติกรรมที่ผิดๆต่อสังคม  ซึ่งเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ   ผมคิดเล่นๆว่า ถ้าสามารถนำเทคโนโลยีมาสร้างเครื่องตรวจวัดระดับการรับรู้และความคิด ความรู้สึกที่เกิดจากการทำงานของสมองได้ และจะดียิ่งขึ้นหากมี วิธีรักษาข้อบกพร่องหรือปรับระบบของสมองให้มีการทำงานอย่างประสิทธิภาพขึ้น  (อาจจะมีแล้ว โดยผมไม่รู้) 
                         เพียงอยากบอกว่า  อย่าเสียเวลา และปล่อยวางกับความรู้สึกที่ทำให้อารมณ์เสีย จากการเห็นสิ่งที่แย่ๆจากการกระทำของบางคน  อย่าหวังไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น  กลับมาดูแลใจ ปรับความคิด ปรับความรู้สึกของเรา  มีสติเตือนตัวเองเสมอว่า  เราไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงให้คนอื่นให้เป็นคนดีในสังคมอย่างที่เราอยากให้เป็นได้   เราเองต้องเข้าใจในสิ่งที่เป็น  เปลี่ยนความคิดที่ไม่ดีและบั่นทอนสุขภาพจิตของเรา ให้มองพฤติกรรมแย่ๆ เป็นความน่าสงสารในภาวะที่เขาไม่รู้ตัว เพราะเป็นการทำงานของสมอง  ให้มองว่าเป็นเรื่องของตัวเขา กรรมของเขา     มองเหมือนว่า เวลาเราเห็นคนบ้าที่นอนข้างถนน  เราก็เดินหนีห่าง ไม่ยุ่งด้วย และก็ไม่ได้โทษอะไรเขา เพราะคิดว่าเขาเป็นคนบ้า เป็นเวรกรรมของเขาที่ต้องชดใช้   ไม่เก็บมาคิดรกสมอง บั่นทอนจิตใจใ้ห้เป็นทุกข์    สิ่งที่ควรทำคือ พยายามผลักดันตัวเองไปอยู่ในสังคมที่ศิวิไลซ์  สังคมคุณภาพ อยู่ในมีสิ่งแวดล้อมที่มีแต่คนจิตใจดี  รู้จักเห็นอกเห็นใจ ไม่เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัวน้อยที่สุด  ไร้คนมีพิษ..... แต่ในความเป็นจริง ทำได้ยาก เพราะรอบตัว เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ได้พัฒนาด้านจิตใจ  มีแต่สิ่งที่ทำให้เกิดกิเลส  มีชีวิตอยู่ไปแบบอยากได้อยากมี  คิดแต่เรื่องจะเอาประโยชน์  ก้มหน้าทำงานดิ้นรนให้ตัวเองและครอบครัวอยู่รอดมากกว่าจะคิดทำให้กับสังคมหรือผู้อื่น  ทุกคนต่างมองเห็นช้างตัวใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้อง แต่ทุกคนเลือกที่จะไม่พูดถึงปัญหาของสังคม หรือเรียกร้องสิ่งที่อยากให้เป็น  มันอาจเป็นเพียงภาพอุดมคติ ที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งตรงข้ามกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น  เป็นเหมือน Pain point  ของสังคม ที่ทุกคนอยากแก้ไข แต่เป็นได้แค่ความฝัน      
                         ขอเตือนว่า บทความที่เล่ามา  ก็อย่าเชื่อตาม โปรดใช้วิจารณญาณ  เพราะเป็นมุมมองที่มองออกจากมนุษย์ที่เคยถูกกระทำและใช้ชีวิตอยู่ตามประสาคนระดับล่างถึงกลาง อาจเป็นความคิดที่ผิดถูกได้   มีเจตนาแชร์สิ่งที่พบเจอมา ถ่ายทอดในมุมมองของตัวเอง   สำหรับคนมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่สูงกว่า พบเจอแต่สิ่งดีๆ คนดีๆ สิ่งแวดล้อมดีๆ โอกาสดีๆ  ใช้ชีวิตอย่างผาสุขในรูปแบบชีวิตที่สมบูรณ์ และพึงพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่แล้ว    โปรดข้ามผ่านไป  เหมือนขย้ำถุงกระดาษใส่ขนมที่บังเอิญเหลือบไปเห็นข้อความที่มีคนเขียนไม่เข้าท่า และมองว่าไร้ค่า ก็ปาทิ้งถังขยะไป   เราไม่โกรธกัน  ผมอาจอยู่คนละโลกกับท่าน  แค่อยากเล่าสู่กันฟังบนพื้นที่ส่วนตัว  เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้เป็นตัวอย่างกับบางคนที่อาจมีชีวิตคล้ายกัน พบเจอปัญหาเหมือนกัน  รู้สึกเหมือนกัน คิดคล้ายกัน   ไม่ได้มีเจตนาให้ร้ายสังคม หรือคนผู้ใด หรือมองโลกในแง่ร้าย  เพียงหวังว่า ถ้าเกิดมีการจัดการให้ดีขึ้น  เราจะมีสังคมที่น่าอยู่ขึ้น ก็เท่านั้น  ซึ่งตอนนั้นตัวผมเองก็อาจลาโลกนี้ไปแล้ว ไม่ได้มีโอกาสอยู่ดูความเป็นไปของโลกในอุดมคติ 

พ่อหมูตู้ 


บทความที่เกี่ยวข้อง
จอมยุทธมั่ว
Put first things first
25 ม.ค. 2025
เรื่องหลอนๆตอนทำงาน  #1 เล่าไปเรื่อย (อารัมภบท)
เรื่องหลอนๆตอนทำงาน เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริง เพื่อการบันเทิง
26 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy