แชร์

จะเกิดอะไรขึ้นถ้า ผมมี gemini ใช้ได้คนเดียวเมื่อย้อนเวลากลับไปเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา ?

อัพเดทล่าสุด: 10 ก.ค. 2025
131 ผู้เข้าชม

              ได้ดูซีรีส์ Marvel's "what if..?" หรือ "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..?"  ซึ่งเป็นซีรีส์แอนิเมชั่นของ Marvel Studios ที่ฉายทาง Disney+ เป็นการนำเหตุการณ์ที่เกิดใน MCU (Marvel Cinematic Universe)  มาบิดเบือนเล็กน้อย แล้วดูว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงจุดเดียวจะส่งผลกระทบต่อเรื่องราวทั้งหมด และตัวละครอย่างไรบ้าง ผู้ดำเนินเรื่องหลักของซีรีส์นี้คือ The Watcher (uatu)  พอได้ดูเรื่องนี้แล้ว ก็อดคิดให้เหมือนในหนังว่า   มันจะเกิดอะไรขึ้น .. ถ้าย้อนกลับไป 50 ปีที่ผ่านมา (ประมาณปี ค.ศ.1975 หรือ พ.ศ.2518 ) แล้วสามารถใช้โปรแกรม Gemini ผ่านสมาร์ทโฟนที่มีเพียงเครื่องเดียวบนโลกในตอนนั้น  โดยสามารถใช้งานผ่านสัญญาณเชื่อมโยงถึงโลกปัจจุบัน (ตอนนี้)ได้   ชีวิตคงจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร? ผมจะยังโง่เหมือนในปัจจุบันอยู่หรือไม่ ?   
              Gemini คือโมเดล AI ขนาดใหญ่ (Large Language Model - LLM) ที่พัฒนาโดย Google AI  ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถที่หลากหลายและเข้าใจข้อมูลได้หลายรูปแบบ เป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลเชิงลึก โดยสามารถสแกนและวิเคราะห์ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ จำนวนมาก และสรุปเป็นรายงานที่ครอบคลุมได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ  ปัจจุบันแค่พูดคำถามลงในมือถือ ผ่านโปรแกรม gemini เราก็รู้คำตอบแล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลาค้นหาเหมือนที่ผ่านมา  เพียงเรียนรู้คำสั่ง (prompt) เพื่อใช้สื่อสารกับ AI ชีวิตก็สบายขึ้นเยอะ 
              ลองคิดย้อนกลับไปดูในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา การใช้ชีวิตประจำวันจะเป็นอย่างไร   ต้องบอกก่อนว่าจะไม่นับเรื่องการรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง50ปีที่ผ่านมาทั้งเรื่องสงคราม การค้า ค่าเงิน ตลาดหุ้น การเกิด การตาย ผลกีฬา ผลออกสลาก...ฯลฯ  ซึ่งทำให้เป็นพระเจ้าได้เลย     ในบทความนี้จะเล่าถึงการใช้ชีวิตแบบคนธรรม  คิดเสียว่าบทความนี้เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ไม่ต้องซีเรียส เพียงต้องการให้เห็นความลำบากในการใช้ชีวิตเมื่อ 50 ปีก่อน   โดยเฉพาะคนที่เติบโตมาจากต่างจังหวัดที่ห่างไกลจากกรุงเทพ  จนอาจเรียกว่า บ้านนอก อย่างผม  มันไม่ได้สบายเหมือนสมัยนี้   อย่าลืมนะว่า ก่อนนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์บ้านเป็นเครื่องใหญ่ แป้นหมุน  ทีวีมีไม่กี่ช่อง  วิทยุมีแต่ช่อง AM ฟังเพลงผ่านตลับเทป  ระบบทุกอย่างแทบจะเป็น dialog  ดีสุดมีซาวด์อะเบาท์ (sound about)หรือมักเรียก "ซาวเบ๊า" เสียบสายหูฟังแนบกางเกงโคตรเท่ห์เลย (แบบที่พระเอกใช้ในหนัง Guardians of the Galaxy)   รับรู้ข่าวสารข้ามวันผ่านทางหนังสือพิมพ์และทีวี   ติดตามข่าวดาราต้องรอนิตยสารออกรายเดือน  รถบางคันยังไม่มีแอร์  บ้านใครมีเครื่องปรับอากาศคือบ้านคนรวย  ไม่มีร้านสะดวกซื้อ ซื้อของใช้ต้องไปร้านโชห่วยที่มีขนมโหลขายหน้าร้าน  อยากกินขนมต้องทำกินกันเองที่บ้าน  ที่ดีสุดคือน้ำอัดลม โคล่า ไบเล่ย์ ซาสี่  ยังไม่มีร้านคาเฟ่นั่ง  สั่งกาแฟร้อนบางร้านใส่กระป๋องผูกเชือกให้  ราดหน้ายังใส่ใบตองผูกเชือกเลย   อาหารทะเลที่กินบ่อยคือ ปลาหมึกบดจุ่มน้ำจิ้มแล้วเอาไปปิ้งต่อ  บ้านไหนมีมอเตอร์ไซค์ขี่แสดงว่ามีตังค์  ไฟหน้ารถจักรยานปั่นไฟจากล้อหลัง ข้าวมันไก่ร้านประจำใช้บังตอตบเนื้อไก่บนเขียงให้แบนก่อนสับปรกหน้าข้าว  อยากกินน้ำแข็งต้องพกกระติกอันใหญ่  ยังไม่มีน้ำเปล่าขาย  กินน้ำต้มเองแช่เย็นใส่กระป๋องนมตราหมี บางบ้านใส่น้ำยาอุทัยทิพย์  อยากไปไหนต้องใช้แผ่นพับแผนที่  ไม่มีตู้เอทีเอ็ม ฝากถอนเงินต้องไปธนาคาร  ใช้มือซักผ้า ไมโครเวฟไม่มี ดูหนังต้องไปโรงหนังที่มีฉายเป็นรอบ  ถ่ายรูปแต่ละครั้ง ต้องรอร้านล้างรูปเป็นอาทิตย์ถึงจะเห็นรูป  ติดต่อกันด้วยจดหมาย  เอาไวหน่อยก็โทรเลข  จะโทรคุยจีบกันต้องนัดเวลาให้รอรับ   ผลไม้พวกกล้วย มะม่วง..เขาแบ่งปัน ไม่ขายกัน   เวลาบ้านไหนทำอาหารหรือขนมกิน มักจะแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียง  ...... เล่ามายืดยาว เข้าเรื่องว่าถ้ามี gemini ใช้ในวันนั้น สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตจะเป็นอย่างไร 
             -  ลองคิดดูว่า ตอนนั้นยังดูละครฮิตบนจอแก้ว เปาบุ้นจิ้น มังกรหยก พิภพมัจจุราช ปอบผีฟ้า ผีกระสือ  ห้องหุ่น หุ่นไล่กา ......แล้วจู่ๆ เปิดเครื่องดู avengers, deadpool, spider man...บน Netflix, Disney+  คงเปิดโลกจินตนาการตั้งแต่ตอนนั้น  ไม่ต้องปิดหูเวลาได้ยินเพลงประกอบละครปอบผีฟ้า,พิภพมัจจุราช  หรือเอาดาบไม้มาฟันกันเล่นให้เหมือนจั่นเจา หรือกระโดดปะวิทยายุทธเหมือนก๊วยเจ๋ง หรือกลัวแม่มดกับไอ้ห้อยไอ้โหนในหุ่นไล่กา  หรือตกกลางคืน กลัวผีกระสือมากิบตับ .....   ข้อมูลเหล่านี้ถูกใส่หัวเราตั้งแต่เด็กโดยไม่รู้ตัว และมีผมต่อความคิดในอนาคต    
             -  การมีความสุขจากการฟังเพลงสมัยก่อน ของคน ตจว.ถ้าไม่ไปฟังจากเวทีงานวัดหรือมีศิลปินล้อมผ้าเก็บเงินมาแสดง ก็ต้องฟังจากวิทยุ  แผ่นเสียง หรือซื้อเทปคาสเซ็ทมาฟัง (กลายเป็นวัตถุโบราณของเด็ก Gen ใหม่) เช่น bon jovi ,queen,ACDC,pink floyd,คาราวาน,เต๋อ เรวัต,Isn't,อัสนีวสันต์, . ในสมัยนั้น เวลาต้องการฟังซ้ำ ต้องกดปุ่ม Rewind (กรอกลับ) เพื่อหมุนย้อนกลับ หากย้อนไปเยอะ ก็ต้องกดปุ่ม Fast Forward(กรอหน้า) เพื่อให้ตรงกับเพลงที่ต้องการฟังอีกที คิดดูว่า กว่าจะได้ฟังเพลงที่ชอบแต่ละเพลง คนสมัยก่อนต้องอดทนขนาดไหน ไม่รวมเวลาเครื่องกินเทป ต้องเอาตลับเทปออกมา ใช้ปากกาบิ๊ก(ด้ามเหลือง) มาหมุนกรอเอง   หรือเวลาเทปยาน(ยืด) ก็ต้องเอาไปใส่ตู้เย็น (ซึ่งเป็นความคิดผิด)    คงมีความสุขถ้าหาเพลงที่อยากฟังได้ทั่วโลก ภายใน 10 วินาที และฟังได้ฟรี  สามารถสั่งให้ AI แต่งเนื้อเพลงและทำเพลงให้ได้เลย ผมคงต้องรวยตั้งแต่ตอนนั้น เพราะจะรับจ้างแต่งเพลงให้กับค่ายเพลง  
           -  เด็กในสมัยก่อน ไม่มีเกมส์ให้เล่น ไม่มีของเล่นขาย อยากเล่นต้องสร้างขึ้นมาเอง  ก็เลยสร้างภูมิปัญญาในวัยเด็กฝึกคิดสร้างสรรค์  เช่น เอาฝาจีบขวดน้ำอัดลม มาทุบเป็นแผ่นกลม แล้วเจาะรูปร้อยเชือก เอามาหมุน ไว้สู้กัน,  เอากระสวยไม้ที่พันด้าย มาใส่ช่องตรงกลางแกนด้วยยางรัดของข้างหนึ่งล็อคไว้ อีกข้างเป็นไม้ยาว ไว้หมุน ให้กระสวยวิ่งไปเองตามแรงตึงของเกลียวที่หมุน,  เอากระป๋องนมเปล่ามาเจาะรูตรงก้นกระป๋อง ร้อยต่อกันด้วยเชือกใช้สมมุติว่าเป็นโทรศัพท์คุยกัน , ขึ้นโครงไม้ไผ่ เอากระดาษแก้วหรือกระดาษหนังสือพิมพ์หรือถุงปูนมาปิด ทำเป็นว่าวไว้วิ่งชักเล่นในช่วงหน้าหนาว  , ทำปืนไม้ใส่หนังสติ๊ก ยิงลูกหมากแข้ง(มะเขือพวง),  เอาใบกล้วยมาทำเป็นม้าก้านกล้วย, เอากระบอกไม้ไผ่มาทำเป็นปืนอัดลม, ใช้ไม้ซางเป็นที่เป่ากระสุนที่ทำด้วยการเคี้ยวกระดาษอุดในท่อแล้วเป่า ,  ฉีกกระดาษข้างกลักไม้ขีดไฟมาเผาบนโลหะ แล้วเอามือถูไปมา จะมีควันลุกขึ้น , หาหัวหญ้าแพรกหรือหญ้าหงอนไก่เอามาตีกัน เรียกกว่า "ตีไก่",  เก็บฝักแก่ของต้นต้อยติ่ง เอามาอม เมื่อโดนน้ำลายแต่รีบวางก็จะแตกออก เอาไว้แกล้งคน ,ทำป๋องแป๋งเล่น ....ของเล่นที่หรูสุดในตอนนั้น คือรองเท้าสเก็ต, เรือสังกะสีหรือเรือป๊อกแป๊ก, ตุ๊กตาทหารโดดร่ม, เป่าลูกโป่งวิทยาศาสตร์ ,เป่าฟองสบู่ ...... ยังมีอีกหลายอย่างที่เป็นการละเล่น ได้แก่ หมากเก็บ, ทอยแก่น, ดีดลูกแก้ว, กระโดดหนังยาง, ตั้งเต, เตยกัก, เป่ากบ, ทอยตุ๊กตา, ปากระป๋อง, ทอยเส้น, ขี่ม้าส่งเมือง, ตี่จับ, มอญซ่อนผ้า, รีรีข้าวสาร ฯลฯ  ของเล่นในอดีตนับวันจะเลือนหายไป  เด็กในยุค gen ใหม่ไม่เล่นแบบนี้แล้ว หันไปก้มหน้าดูจอเล่นเกมส์กันหมด   การละเล่นแบบโบราณที่กล่าวมา จะเน้น การเล่นรวมกันหลายคน ใช้แรง ได้เหงื่อ ให้ความสนุกสนาน    ถ้าไปถาม gemini คงแนะนำให้เล่นสร้าง robot, LEGO, บอร์ดเกม, เกมการ์ด , Digital Electronic,DIY ....ฯลฯ  มุ่งเน้นการเสริมทักษะด้านต่างๆต่อการเติบโต  ส่วนใหญ่จะเน้นการเล่นคนเดียว  เน้นการเอาชนะ ผ่านด่าน   ยกเว้นเกมส์ตีป้อมเช่น ROV  หรือ UNO ที่ต้องรวมมือกันเล่น    จึงไม่แปลกที่เด็กสมัยใหม่สามารถนั่งอยู่คนเดียวได้เป็นเวลานานๆ  และเวลาให้ทำงานเป็นทีมในชีวิตจริง มักจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพนัก เพราะปฏิสัมพันธ์ของเด็กในยุคนี้ มักจะอยู่ในโลกเสมือนมากกว่า บางคนมีเพื่อนคุยใน Social Network โดยที่ไม่เคยเจอหน้ากันในชีวิตจริง 
          -  สมัยก่อนอยากกินร้านอร่อย ต้องแสวงหาเอง ยิ่งเดินทางไปต่างจังหวัด ไปต่างถิ่น ต้องขับรถตระเวนหาร้านเอง หรือลงถามชาวบ้านแถวนั้น  กว่าจะเจอร้าน  ขับไปดูแผนที่ ไป ซึ่งแผนที่ตอนนั้น เป็นแผ่นพับขนาดใหญ่ ซึ่งบอกเฉพาะถนนทางหลัก ทางย่อย แบบไม่ละเอียด เวลาดูทีต้องจอดรถกางแผนที่ดู    บางทีต้องดูโหวงเฮ้งร้านเอง  เสี่ยงดวงว่าจะอร่อยหรือไม่อร่อย แล้วก็จดจำไว้ บอกต่อ    ถ้ามี gemini เก่งเรื่องค้นหา ไม่กี่วินาทีที่ถามไป ข้อมูลร้านอร่อยส่งมาทันที อยากกินประเภทไหน บอกไป มีคำตอบให้ว่าต้องไปกินร้านไหนทั่วประเทศ    เช่นอยากกินส้มตำแซ่บๆ แถวประชาชื่น กรุงเทพ  AIหาให้โดยไว บอกตำแหน่งที่อยู่ของร้านให้ด้วย รวมถึงต้องการไปเที่ยวไหน ไม่รู้ แค่แจ้งความประสงค์ให้ gemini ทราบ ก็จะได้คำตอบอย่างไว 
          -  คงไม่ต้องเข้าห้องสมุดให้เสียเวลาอีกแล้ว  ครูให้ทำรายงาน หรือต้องการค้นคว้าหาข้อมูล แหล่งเดียวที่มีหนังสือเยอะและพึ่งพาได้คือห้องสมุด บางทีต้องยืมหนังสือกลับไปอ่านที่บ้าน อ่านเสร็จก็ต้องเอามาคืน ไม่งั้นโดนปรับ  ตั้งแต่เด็ก ผมเป็นคนที่ชอบเข้าห้องสมุด อยู่ได้หลายชั่วโมง เพราะบางทีก็แอบไปนั่งงีบในห้องสมุด   มี gemini ช่วยค้นหาข้อมูลให้กลายเป็นเรื่องง่าย เพียงปลายนิ้ว สามารถเข้าถึงความรู้ทุกแขนงได้ทันที ทำให้การศึกษาและการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
          -  แต่ก่อนเวลาเรียนภาษาอังกฤษ เกือบทุกคนต้องพกดิกชันนารี (dictionary) มีทั้งเล่มเล็ก จนถึงเล่มใหญ่ หนักกระเป๋าเรียน รับรองว่าเด็ก Gen ใหม่ไม่รู้จักแน่นอน เวลาจะแปลภาษาอังกฤษสักประโยค ต้องเปิดดิก กว่าจะหาคำศัพท์แต่ละตัวเจอ โคตรเบื่อเลย โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยจำศัพท์อย่างผม  บางทีศัพท์คำเดียว ต้องเปิดหลายหน ไม่รู้จักจำ  จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ชอบภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก   ถ้ามี gemini ช่วยตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้คงไปอยู่ต่างประเทศมีเมียเป็นฝรั่งแล้ว
          -  จำได้ว่าตอนเด็ก เวลาคุณครูให้เขียนเรียงความสักเรื่อง ยอมรับว่าเขียนโคตรยากเลย เพราะไม่เก่งในการเล่าเรื่อง ก็เหมือนเวลาพูด จะพูดตรงๆ เวลาเขียนจะไม่ค่อยมีรายละเอียดของเนื้อหามากมาย จึงเขียนได้ไม่กี่บรรทัดก็จบเรื่อง  และการแต่งเรื่องตอนนั้นแทบไม่มีทักษะเลย จินตนาการยังไม่เข้า    แต่ถ้ามีตัวช่วย gemini ในตอนนี้สิ  ไม่กี่วินาที มีคำตอบให้ แถมมีข้อมูลสนับสนุนเยอะแยะให้เรื่องที่เขียนน่าเชื่อถือ และน่าอ่าน  ที่สำคัญสามารถใช้คำสั่งให้ AI แต่งเรื่องได้อย่างง่ายดาย 
          -  ยอมรับว่าเรื่องคำนวณตอนเด็กนั้น ไม่ชอบเลย โดยเฉพาะเวลาครูสอนวิชาตรีโกณมิติ ที่ต้องจำสูตร sine,cosine,tangent  จนโตมาก็ไม่รู้ว่าจะสอนทำไม แทบไม่ได้ใช้ในชีวิตจริง ก็เข้าใจว่าเป็นวิชาพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้เพื่อต่อยอดไปทำอาชีพที่ต้องใช้ แต่สำหรับผมไม่มีประโยชน์อันใด   ทำไมไม่สอนเรื่องการดูงบการเงิน Financial statements หรือสอนให้อ่านกราฟแท่งเทียน ...น่าจะมีประโยชน์มากกว่า  สิ่งที่เคยเป็นภาระในการคำนวณ จะถูกแก้ไขโดย gemini ทำให้การคำนวอย่างแม่นยำและฉับไว ไม่ต้องจำสูตร ไม่ต้องเข้าใจ แต่ได้คำตอบ ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องตามต้องการ  ลองคิดดูว่า ถ้าผมสามารถทำการบ้านได้ไวขึ้น ผมจะมีเวลาเหลืออีกเยอะในการทำอย่างอื่น และผมจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลขนาดไหน ที่จะมีคนมาขอลอกการบ้าน  แต่คุณครูห้ามให้ผมออกไปเฉลยวิธีการคำนวณนะ ความลับแตก เรือหายทันที  
          -  สมัยก่อนเวลามีคำถามที่อยากรู้คำตอบ ต้องการคำแนะนำ รวมถึงอยากรู้วิธีการทำสิ่งใดๆ  ต้องพึ่งพาผู้รู้ ให้ตอบ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ครูบาอาจารย์ หรือผู้มีประสบการณ์  ซึ่งจะบอกว่า ยากยิ่งนักที่จะได้ข้อมูล จนดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่อยากเรียนรู้ต้องพึ่งตัวเอง  ต้องลงมือทำเอง หรือลงผิดลองถูกเอง  เพราะไม่มีแหล่งข้อมูลดีๆให้เรียนรู้   เช่น ถ้าผมอยากรู้เรื่องวิธีเลี้ยงปลาทองหัววุ้น ในสมัยนั้นต้องลองเลี้ยงเอง  ไม่มีข้อมูลวิธีเลี้ยง นอกจากถามจากคนขาย ซึ่งก็บอกไม่ละเอียดนัก   ถ้ามี gemini ในตอนนั้น ผมจะรู้แม้กระทั่งปลาทองมีอีกสายพันธุ์ วิธีการเตรียมตู้ เตรียมน้ำ การเลี้ยงดู การให้อาหาร  โรคของปลา และยารักษา .... ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ซึ่งในเวลานั้น ยังไม่รู้คุณค่าของการมีเวลา  ..........  ฯลฯ
             การได้มาง่ายๆ โดยไม่รู้วิธีทำ  ไม่เข้าใจเนื้อหา  แต่หวังให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว  หากไม่รู้จักนำมาปรับใช้งาน เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาด หรือนำมาใช้โดยไม่เรียนรู้ที่จะเข้าใจ  อาจกลายเป็นดาบสองคม สร้างปัญหาต่อการเรียนรู้  การดำรงชีวิตอย่างถูกต้อง มีเหตุผล ... มันจะมีประโยชน์ใด ถ้าสามารถสอบเข้าเรียนแพทย์ได้ที่หนึ่ง แต่ไม่สามารถผ่าตัด รักษาคนได้   หรือถูกจ้างมาให้ดำรงตำแหน่งระดับสูง แต่ทำงานไม่เป็น คิดไม่ได้  ต้องอาศัยคนอื่นตลอดเวลา ... เพราะบางสิ่ง เทคโนโลยีไม่สามารถช่วยทำให้ได้    
             ในยุคเมื่อห้าสิบปีที่ผ่านมา ทุกคนต่างใช้ชีวิตที่คุ้นชินกับการได้มาที่ยากลำบาก ตามข้อจำกัดที่มีที่เป็นอยู่ในตอนนั้น  การเข้าถึงข้อมูลเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ไม่เหมือนปัจจุบันที่การค้นหาข้อมูลจะกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว ผู้คนสามารถเข้าถึงความรู้ทุกแขนงได้ทันที  การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ได้นำพาวิถีชีวิตของทุกคนให้มีความเป็นอยู่อย่างสะดวกสบายขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนจะได้มาง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น  มีตัวช่วยมากขึ้น  ทุกคนชอบการได้มาซึ่งผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว การวัดผลเน้นผลลัพธ์ที่ออกมา  โดยไม่สนที่มาว่าเป็นอย่างไร  ไม่ต้องเข้าใจวิธีการ สมองถูกใช้น้อยในเรื่องการได้มา พึ่งพาเทคโนโลยีอย่างเดียว    สำหรับผม ความสุขของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่ปลายทาง การได้เรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างทางเป็นสิ่งสำคัญกว่า  ทำให้มุมมองด้านความคิดต่อสิ่งที่ผ่านมามีความเข้าใจ และเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น ได้รู้รสชาดของการใช้ชีวิต   ทุกสิ่งที่ได้มา ย่อมมีต้นทุนต้องจ่าย  ต้องเตรียมพร้อมเพื่อปรับตัวให้สามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ต่อความเปลี่ยนแปลงที่มีตลอดเวลา ทำให้เราต้องสร้างภูมิคุ้มกัน  ให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีทุกข์น้อยที่สุด    การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อทักษะการคิดวิเคราะห์ หรือการแก้ปัญหาด้วยตัวเองลดลง  และอาจสร้างปัญหาในการนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือสร้างข้อมูลบิดเบือน สร้างปัญหาต่อสังคมได้  ขึ้นอยู่กับการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและเพื่อนร่วมโลกอย่างไร    

 "Life is not about waiting for the storm to pass,
  It's about learning to dance in the rain."

พ่อหมูตู้


บทความที่เกี่ยวข้อง
ซื้อถั่วย่อมได้ถั่ว
เรื่องเล่าถึง บางทีคุณภาพ หรือความคาดหวังที่ได้รับ มีราคาของมันที่ต้องจ่าย สินค้าหรือบริการที่ดีกว่า ย่อมแพงกว่า ซึ่งอาจไม่แน่เสมอไปบางทีการจ่ายไป อาจไม่ได้คุณภาพ หรือตรงตามคาดหวัง
20 เม.ย. 2025
ฟางเส้นสุดท้าย
เล่าเรื่อง ความอดทนกับปัญหา จนถึงฟางเส้นสุดท้าย
14 พ.ค. 2025
ช้างในห้อง An elephant in the room
An elephant in the room
30 พ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy