แชร์

เชื่อคนง่ายไหม๊?

อัพเดทล่าสุด: 7 พ.ค. 2025
14 ผู้เข้าชม

                  คุณเชื่อคนง่ายไหม๊ครับ  คน ตจว.อย่างผม สมัยเข้ามาเรียนในกรุงเทพ จนถึงจบ มาทำงานเป็นเรื่องเป็นราว ยอมรับว่าเป็นคนที่เชื่อคนง่าย เรียกได้ว่า ซื่อจนโง่  ไม่ทันคน  ใครพูดอะไรก็เชื่อเขา   ใครสัญญา รับปากอะไรก็เชื่อเขา  ใครทำอะไรให้หน่อยก็เอาใจไปให้เขา  ใครมาขอความช่วยเหลือก็สงสารช่วยเหลือเขา   ........ ถูกหลอกมาเยอะโดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงินและผลประโยชน์ทั้งนั้น   เจ็บมาเยอะ  ถึงขนาดจิตตก กลัวการไว้ใจคน   เมื่อตั้งสติได้  ได้คิดมากขึ้น  จิตใจก็เข้มแข็งขึ้น  มีภูมิคุ้มกันแล้ว  จึงกลายเป็นมนุษย์ไร้การสงสาร  ไม่เชื่อใครง่ายๆ  Recheck ข้อมูลก่อน  มองโลกในแง่ร้ายขึ้น  เวลาวิเคราะห์เหตุการณ์จะคิดถึงเรื่อง worst case scenario ก่อน    มองเห็นวัตถุประสงค์ กับความสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ชัดเจนขึ้น  เริ่มรู้จักที่จะพูดปฏิเสธกับคนที่มองว่าไม่น่าไว้ใจ อย่างไม่เกรงใจ อย่างตรงไปตรงมา  ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยการจากไปของพวกเขา กับคำพูดต่อว่าเราเป็นคนใจดำ      สุดท้ายต้องอยู่คนเดียว  ไม่มีใครอยากคบ เพราะไม่มีผลประโยชน์ให้  ... ก็ดีเหมือนกัน มีแบบนี้ สู้ไม่มีจะดีกว่า   ผมก็พึ่งรู้ว่าคนที่มีบุคลิกภาพที่อ่อนไหวต่อสิ่งรอบตัวเป็นพิเศษ  รวมถึงเชื่อคนง่ายๆ เข้าข่ายเป็นโรคชนิดหนึ่ง เรียกว่า "Highly Sensitive Person (HSP)"    
                 นักจิตวิทยาชาวอเมริกันชื่อว่า Elaine N. Aron ได้ทำการศึกษาแนวคิดเรื่อง Highly Sensitive Person (HSP) ของมนุษย์ ซึ่งหมายถึง กลุ่มคนที่มีลักษณะอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ  คิดมากในเรื่องที่คนอื่นไม่เก็บเอามาคิดหรือใส่ใจ   มักจะถูกมองว่าเป็นคนที่เปราะบาง(sensitive) ผู้ที่เป็น HSP จึงมักจะรู้สึกทุกข์ทรมานเพราะว่าตัวเองก็ไม่อยากจะเป็นคนแบบนี้  แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเข้าใจ  แต่ HSP ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นโรคทางจิตเวช ไม่ใช่ผู้ป่วยแต่เป็นเพียงผู้ที่มีบุคลิกลักษณะแบบเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษเท่านั้น   บุคลิกภาพที่อ่อนไหวนี้ มีสาเหตุมาจากเซลล์ประสาทส่วนการรับรู้มีความแอคทีฟมากกว่าคนอื่นทำให้มองโลกและตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมแตกต่างไป มักจะ อิน เป็นพิเศษกับสิ่งที่คนทั่วไปมองว่าเฉยๆ    ลักษณะเด่นของผู้เป็น HSP คือ  (1) มักมีความเห็นอกเห็นใจมากกว่าผู้อื่น  (2) มีอารมณ์ที่อ่อนไหวง่าย เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายผสมปนเปกัน ไม่ว่าเป็นเป็นความรู้สึกซาบซึ้ง ดีใจ หรือเป็นความรู้สึกด้านลบ เช่นรู้สึกผิด อับอาย กลัว หรือเจ็บปวด  (3) มักพยายามสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจและไม่เป็นตัวเองทำให้มีความกดดัน  อีกทั้งมีคนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักหรือเข้าใจคนที่มีบุคลิกภาพประเภทนี้ ทำให้เกิดการไม่ยอมรับและนำไปสู่ปัญหาสัมพันธภาพในที่สุด    
                 เขาบอกว่าวิธีรับมือกับอารมณ์อ่อนไหวของตนเองที่ควรทำคือ (1) หยุดเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น , (2) พัฒนาความเห็นอกเห็นใจให้ตัวเอง และ (3)วางขอบเขตให้กับตัวเอง    แต่ตัวผมมองว่า  ในสังคมปัจจุบันนี้แค่ไม่ต้องเป็นคนดีมากไป  หัดเห็นแก่ตัวบ้าง(รักตัวเอง) และเป็นตัวร้ายสำหรับบางคนบ้าง (รู้จัก Say "NO")  ชีวิตมันก็จะดีขึ้นเอง    หากไม่รู้จักที่จะปรับตัวเอง แน่นอนความเครียดและวิบากกรรม จะมาเยือนตัวเอง  ใจก็จะเป็นทุกข์ตลอดไป ซึ่งเกิดจากสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาทำร้ายตัวเองแท้ๆ  
                 การเชื่อใจกันเป็นเรื่องที่ดี ที่ควรปฏิบัติต่อกัน เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เรารักและหวังดี   เป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติต่อกันและทำให้ความสัมพันธ์นั้นยาวไกล   แต่หากมีเรื่องทำให้ไม่เชื่อใจกันเมื่อไหร่ แค่เพียงครั้งเดียว ผลลัพธ์จะตรงข้ามกันทันที  เป็นเรื่องละเอียดอ่อนของใจ เมื่อไม่เชื่อใจกันแล้ว ก็จะปฏิบัติต่อกันด้วยความหวาดระแวง มองลบต่อกัน อาจรามไปจนถึงการโกรธเกลียดกัน    รูปแบบของการทำให้ไม่เชื่อใจกันที่นอกเหนือจากการหลอกลวง ,การไม่หวังดีต่อกัน,การแสดงพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ....   ยังมีอีกหลายรูปแบบ เช่น  การไม่รักษาคำพูด , ไม่ทำตามสัญญา ,คำพูดให้ร้าย ,พูดลับหลัง(นินทา) , แสดงพฤติกรรมแย่ต่อกัน , การทำงานไม่ตรงตามที่ี่ตกลงกันไว้, การมีแต่ข้อผิดพลาดซ้ำๆ มีปัญหาบ่อยๆ ....... ล้วนเป็นพื้นฐานสร้างความไม่เชื่อใจกัน   ยังมีอีกรูปแบบหนึ่งคือ "Trust Issues" คือ การที่เราไม่สามารถไว้ใจใครได้ง่ายๆ เพราะมีความกลัวไม่กล้าที่จะเปิดใจ  ซึ่งอาการแบบนี้ มักเกิดจากประสบการณ์ในอดีตที่ทำให้ฝังใจ จนไม่กล้าที่จะเชื่อใจใครได้อีก   โดยมนุษย์มีระบบป้องกันตัวเอง "Defense Machanism" จะพยายามป้องกันตัวเองจากความกลัว  โดยแสดงพฤติกรรมได้แก่  (1) ชอบจับผิด(more wrong than right), (2)ขี้อิจฉา (jealously) ,(3)กลัวการไว้ใจคนอื่น(Pistanthrophobia) และ(4)กลัวการเลือกคบคนผิด(broken picker sysdrome)    บางครั้งการกลัวไว้ก็ดี จะได้รอบคอบ   แต่ถ้ากลัวเกินไป ก็จะพัฒนาเป็นผู้ป่วยได้     ในชีวิตจริงผมก็เห็นคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้มากมายในสังคมปัจจุบัน  และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าป่วย จึงไม่รู้ว่าต้องรักษาอย่างไร ซึ่งน่ากลัวมาก กลัวเป็นสังคมแห่งการไม่ไว้วางกัน ไม่เชื่อใจกัน  แล้วจะอยู่แบบกลัวกัน และตั้งการ์ดกันตลอดเวลา   
                ถึงแม้คำว่า ความเชื่อใจ และความไว้ใจ  (Trust) มีนิยามความหมายเดียวกัน  คือ ความมั่นใจที่บุคคลมีต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ว่าจะปฏิบัติต่อกันด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ และไม่เอารัดเอาเปรียบ    แต่ผมมองว่า ความไว้ใจมีดีกรีมากกว่าความเชื่อใจ ในเรื่องของความคาดหวัง หรือความมั่นใจ    ความไว้ใจเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจ ฝากฝีฝากไข้  ฝากชีวิต  ของคนๆหนึ่งที่หวังพึ่งพาอาศัย ยึดเป็นที่พึ่ง จากอีกคน    ข้อควรที่พึงระวังในการเชื่อใจ วางใจคน คือ จงอย่าเชื่อใจ หรือไว้ใจผิดคน     สำหรับตัวผม แค่มีคนรักษาคำพูดกับผม  ผมก็เริ่มเชื่อใจเขาแล้ว นี่แหล่ะคนใจง่าย เชื่อคนง่าย แต่หลอกยากหน่อยนะ    

                "As soon as you trust yourself, you will know how to live.
                เมื่อใดก็ตามที่คุณไว้ใจตัวเอง เมื่อนั้นคุณจะรู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร
                                                                                             Johann Wolfgang von Goethe
 
 พ่อหมูตู้


บทความที่เกี่ยวข้อง
กบต้ม
บนโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหลีกหนีไม่พ้น การรู้ทัน และปรับตัว เป็นทางเลือกในการเอาตัวรอด
28 เม.ย. 2025
ซื้อถั่วย่อมได้ถั่ว
เรื่องเล่าถึง บางทีคุณภาพ หรือความคาดหวังที่ได้รับ มีราคาของมันที่ต้องจ่าย สินค้าหรือบริการที่ดีกว่า ย่อมแพงกว่า ซึ่งอาจไม่แน่เสมอไปบางทีการจ่ายไป อาจไม่ได้คุณภาพ หรือตรงตามคาดหวัง
20 เม.ย. 2025
แบกลิงกอริลลา โดยไม่รู้ตัว ?
แนวคิดเรื่องการบริการจัดการงานกับทรัพยากรที่มีอยู่
14 เม.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy