แชร์

คำมั่นที่หลอกลวง

อัพเดทล่าสุด: 8 มิ.ย. 2025
112 ผู้เข้าชม

              ตอนในวัยเด็ก เวลาตกลงสัญญากัน จะใช้วิธีเกี่ยวก้อยกัน ถือเป็นคำมั่นที่มีต่อกัน ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นคนกำหนดให้ทำ และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ ยังใช้วิธีเกี่ยวก้อยกันอยู่หรือไม่      คำมั่นที่ได้ยินครั้งแรก เกือบทุกคน มาจากปากของพ่อ แม่ หรือคนที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เกิด  เป็นเหมือนคำพูดสัญญา รับปากว่าจะทำโน้น นี่ นั่นบางอย่างให้เรา เมื่อเราได้ทำตามที่บอก    ก็มีหลายครั้งที่ไม่ได้ทำตามที่รับปากไว้  และก็มีคำอ้างเหตุผลที่ไม่ทำให้  เพื่อให้ผ่านพ้น หรือไม่ต้องรับผิด   ความรู้สึกคุ้นชินแบบนี้ เราต่างรับมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่   เราไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกหลอกให้คล้อยตามว่า การกระทำแบบนี้ เป็นเรื่องปกติ   เป็นแค่คำพูดธรรมดา ไม่ต้องผูกพัน ไม่ต้องรับผิดอะไร  ต้องยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เด็ก   เราทุกคนต่างเป็นผู้ถูกกระทำโดยไม่รู้ตัว  ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อระบบความคิดในสมองในการใช้ชีวิตในอนาคต  เนื่องจากการเลี้ยงดูให้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง  และวิธีการป้อนข้อมูล หรืออบรมเลี้ยงดูที่ต่างกัน  จึงทำให้ความรู้ผิด รู้ชอบต่างกัน   ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยให้คนๆนั้นมีความรับผิดชอบต่อคำพูดที่ให้ไว้กับคนอื่นๆที่ต่างกัน   บางคนเห็นเป็นเรื่องปกติ พูดรับปากคนไปทั่ว ทำได้ไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร   แต่บางคนจริงจังกับคำมั่น ยึดเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย   และที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ใหญ่บางคนมักสอนเด็กให้ เป็นคนรักษาคำพูด ให้พูดดี ทำดี ทั้งๆที่ตัวผู้ใหญ่เองก็ไม่ได้ทำตัวเป็นแบบอย่าง หรือหนักกว่านั้นคือทำตัว หลอกลวง โกงเขาไปทั่ว    บทความนี้จะพูดถึงมุมมองเรื่อง คำมั่นที่มาจากคำพูดของมนุษย์ 
              "สัจจะ" เป็นคำในภาษาบาลี แปลว่า "ความจริง"  ในทางธรรมะ เป็นเรื่องของความตั้งใจที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จผล (สมมุติสัจจะ)  เป็นสัจจะที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ตามโอกาส  การได้ตั้งใจไว้ว่าจะกระทำสิ่งใดแล้วไม่ได้ทำ ก็ไม่มีผลเสียอะไร และก็ไม่ได้ทำให้เป็นคนเสียสัจจะ  เพราะมีเหตุปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยให้ได้กระทำในเวลานั้น   นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวเราเอง  เป็นการรับปากที่จะทำต่อตัวเอง เป็นเรื่องความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง  เคารพคุณค่าของตัวเอง   แต่หากเป็นสัจจะวาจาที่ให้เป็นคำมั่น(คำพูด)ต่อผู้อื่น แล้วไม่สามารถทำได้ตามที่รับปากไว้  ย่อมผลส่งเสีย และทำให้ผู้อื่นมองว่าเป็นคน ไม่มีสัจจะ ไม่รักษาคำพูด  ซึ่งก็ดูเหมือนว่า ในปัจจุบันหลายคนไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก  และก็ไม่ได้ให้ค่าหรือให้ความสำคัญต่อการเป็นคนที่มีสัจจะ   พอไม่ได้ทำตามที่รับปากไว้  ก็มีแต่ข้อแก้ตัว ด้วยข้ออ้างมากมาย  โดยไม่รู้สึกผิดในคำพูด  เพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมา ก็เห็นว่าเป็นเรื่องปกติ  โดนหลอกมาตั้งแต่เด็กว่าเป็นเรื่องปกติ    แต่ก็แปลกที่คนเหล่านี้กลับไม่ชอบเวลาที่โดนคนอื่นกระทำกับเขาอย่างไม่มีสัจจะบ้าง ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นแบบนั้น 
              คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การใช้ชีวิตในปัจจุบัน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องเจอกับคนพวกนี้ได้  ดูเหมือนว่าทุกวันนี้ผู้คนต่างละเลย ไม่รักษาคำพูดที่มีต่อกัน  คนที่ชอบพูดให้คำมั่น รับปากว่าจะทำให้  แล้วก็ไม่ทำตาม เป็นเหมือนการพูดออกไปส่งเดช หรือ ให้ความหวัง หรือเป็นคำพูดที่เขาต้องการอะไรบางอย่างจากเรา  เพื่อให้เชื่อว่าจะทำให้ได้  สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ   เหมือนเป็นพฤติกรรมของคนในสังคมแล้ว   รับปากไปก่อน ทำได้ไม่ได้ค่อยแก้ไขทีหลัง   เพื่อให้ได้สิ่งที่อยากได้ก่อน     ผมคิดว่าหากพูดรับปากแล้ว ไม่ทำตาม ไม่ต่างจาก "คำหลอกลวง"  แต่ก็ต้องพิจารณาด้วยเหตุและผลของเหตุปัจจัยที่เกิดด้วย  เพราะบางครั้งอาจมีตัวแปรอื่นที่ทำให้ไม่สามารถทำได้ตามที่รับปากไว้   และเป็นเรื่องน่าเบื่อเมื่อคนไม่มีสัจจะพวกนี้  ไม่เคยรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเองเลย  มักจะได้ยินแต่คำว่า "ขอโทษ"  ตามด้วยข้อแก้ตัวอีกมากมายจากปากของคนที่เราได้ตราหน้าไปแล้วว่า เป็นคนไม่มีสัจจะ     คำ"ขอโทษ" ที่ถูกใช้เปลือง จนมองไม่เห็นความสำนึก หรือรู้สึกผิดใดๆ    ยิ่งแย่ไปอีกหากยังต้องใช้ชีวิตร่วมกัน ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน กับความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม     เคยได้ยินคำพูดนี้ไหม๊ว่า  "ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนกัน ก็อย่าให้เขายืมเงิน"   เป็นเรื่องจริงที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว  แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ตลอดทุกกรณี  ขึ้นอยู่กับนิสัยของแต่ละบุคคล ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความจริงใจ (สัจจะ) ที่มีต่อกัน      ท่านพุทธทาสภิกขุเคยแสดงธรรมะไว้ว่า "คนเราจะต้องมีสัจจะ คือมีความจริงต่อตัวเอง ซื่อตรงต่อตัวเองก่อน  แล้วก็จะทำการซื่อตรงต่อผู้อื่น...."      ดังนั้นคนจะมีความจริงต่อตัวเอง ซื่อตรงต่อตัวเองได้  ต้องเป็นคนที่ให้ความเคารพต่อคุณค่าของตัวเอง  มีสติในการใช้ชีวิต รู้ผิด รู้ชอบต่อภาวะที่กำลังเกิด   มองเห็นคุณค่าและให้ความเคารพต่อผู้อื่น  จึงจะเกิดการปฏิบัติต่อกันอย่างมีสติ     แต่ปัญหาทุกวันนี้  คนไม่ค่อยจะซื่อตรงต่อตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง มองไม่เห็นความผิด  ของตัวเอง  แล้วจะเอาอะไรไปซื่อตรงต่อผู้อื่น   สุดท้ายต้องกลับมาแก้ที่ตัวเองก่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่ง่าย  ต้องมีพื้นฐานจิตใจที่ดีพอ และเปิดใจที่จะปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ทุกคนยอมรับและเรียกว่า "คนดี"        

สัจจะ คือ เครดิต
ก่อนรับปากอะไรใคร คิดให้ดี
ว่าทำได้อย่างที่พูดได้มั้ย ?
คำพูดพอเอ่ยไปแล้ว เรียกกลับคืนไม่ได้
อย่า พูดเอามันส์ สักแต่พ่นไปเรื่อย
อย่า รับปากพล่อยๆ เอาตัวรอดไปวันๆ
อย่า มักง่าย จนกลายเป็นกลับกลอก
ความเชื่อใจ.. อาจถูกทำลายย่อยยับ
ด้วยการผิดคำพูดเพียงแค่ครั้งเดียว
และยากที่จะเรียกกลับคืนมาได้
รักษา คำสัญญา ให้ดี
เพราะสัจจะ คือ เครดิต  ..... (FB : สามก๊ก )

พ่อหมูตู้


บทความที่เกี่ยวข้อง
บทเรียนจากหมาตัวแรก
เรื่องเล่าของความเขลาที่สร้างความทุกข์ในใจ
9 มิ.ย. 2025
Mad Unicorn
ความรู้สึกหลังดู Mad Unicorn
7 มิ.ย. 2025
ช้างในห้อง An elephant in the room
An elephant in the room
30 พ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy