แค่ไหน แค่นั้น ...
หากเวลาเป็นความต่อเนื่องของการดำรงอยู่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลำดับต่อเนื่องที่มิอาจย้อนกลับได้ จากอดีต,ปัจจุบันไปสู่อนาคต และเวลายังเป็นเครื่องมือสำหรับการเปรียบเทียบและวัดระยะห่างระหว่างของเหตุการณ์หรือช่วงระยะระหว่างเหตุการณ์ เวลาก็เป็นสิ่งชั่วคราวและทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงในขณะที่เวลาเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเกิดการไหลของเวลา (flowing of time) พาตัวเราไปพร้อมกับเหตุการณ์ต่างๆ แม้จะเคลื่อนไหวด้วยอัตราความเร็วที่แตกต่างไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นในเชิงสัมพัทธ์ หรือในระดับจิตใจ ทุกช่วงเวลาที่เกิดขึ้น มีการกำหนดเงื่อนไขของการใช้เวลา หรือเหตุการณ์นั้นๆเป็นตัวกำหนดการสิ้นสุดด้วยตัวของมันเอง นั่นคือทุกสิ่งมีวันหมดอายุ มีจุดสิ้นสุด มีการเปลี่ยนแปลง เกิด ดับ อยู่ต่อเนื่องไปตามเหตุปัจจัยที่ต่างกันในแต่ละบริบท หรือการใช้ชีวิตของตัวเราเอง มนุษย์จะเห็นคุณค่าของเวลา หรือเผชิญกับความไม่คงอยู่ของมัน เมื่อใกล้จะสิ้นชีวิต และดูเหมือนว่าเวลาจะหมดลงเมื่อเราอายุมากขึ้น หรือเมื่อเรามีปัญหาสุขภาพ เราจะเห็นหลายคนที่ยังใช้ชีวิตแบบคิดว่า "ยังมีเวลา" ซึ่งเป็นพวกเขาไม่รู้หรอกว่า กำลังใช้ชีวิตที่ประมาท เผาเวลาทิ้งไปกับเรื่องไร้ประโยชน์ จนกว่าพวกเขาจะเห็นคุณค่าของเวลา ในชีวิตจริงทุกคนล้วนมีเวลาที่จำกัด มีบททดสอบที่ส่งมาให้ทำในเวลาที่กำหนด เมื่อสิ้นสุดก็ต้องจบลง อาจขอเวลา อาจต่อเวลาได้เพียงชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็ต้องจบลง เวลาเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราเผชิญกับความทุกข์ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป อดีตที่เคยทุกข์สุขก็จะกลายเป็นเพียงความทรงจำ อนาคตที่ยังมาไม่ถึงเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ สร้างความกังวลและทุกข์ใจ และหากเป็นความทรงจำไม่ดีในอดีต ก็จะหลอกหลอนไปทุกช่วงเวลาให้เป็นทุกข์ เมื่อนึกถึงในปัจจุบัน นั่นคือ ทุกช่วงเวลาคือความทุกข์ในปัจจุบัน
เมื่อทุกคนต่างมีเวลาที่จำกัด ก็คงที่จะใช้ชีวิตให้เต็มที่ ให้คุณค่ากับเวลาที่ต้องจ่ายไป ทำได้แค่ไหน ก็แค่นั้น ทำให้ดีที่สุด เท่าที่แรงมี เท่าที่มีใจ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปตามเหตุและปัจจัย บางทีต้องทำใจยอมรับ ไม่ยึดติด และต้องปล่อยวางกับความคาดหวังของการกระทำหรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพื่อไปเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ในเวลาใหม่ หากใครเคยเล่นหมากล้อม(โกะ) ก็จะเข้าใจ เวลาที่หมากของตนถูกล้อมจับกิน และก็รู้ว่ายังไงก็เสียพื้นที่ไปแน่นอน ไม่สามารถรักษาไว้ได้ หากยังฝืนเล่นต่อ ก็จะถูกจับกินเกือบทั้งกระดาน ยอมตัดใจ ปล่อยงานเสียพื้นบางส่วน และเอาทรัพยากร(หมาก) ไปเล่นในพื้นที่อื่นบนกระดาน อาจมีโอกาสที่จะได้เปรียบได้ แต่ในชีวิตจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอ บางทีเราอาจไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัว หรือลองทำใหม่ได้ บางทีเราอาจไม่มีเวลามากพอที่จะทำอะไรให้ดี บางทีเวลาไหลผ่านอย่างรวดเร็วจนต้องดลสด บางทีไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียวต้องมีปัจจัยอื่นมาร่วมด้วย บางทีทำให้ท้อใจจนต้องยกเลิกไม่ทำ ...... เราจะรู้ถึงคุณค่าของเวลามากขึ้น ก็ต่อเมื่อ เราสูญเสียสิ่งๆนึงไป แล้วมารู้สึกเสียดายภายหลังว่า ตอนที่ยังอยู่กับเรา ทำไมเราไม่ดูแลรักษามัน มองข้ามคุณค่าตอนที่มีมันอยู่ เพราะเวลาไม่เคยรอใคร ต่อให้มีเงินล้นฟ้า ร่ำรวยขนาดไหน ก็ไม่สามารถซื้อเวลาของชีวิตได้ ในช่วงเวลาที่กำลังดำเนินอยู่ สิ่งหนึ่งที่เราควรจะทำคือ การฉกฉวยวันเวลา ไม่ปล่อยผ่านสิ่งดีๆที่อยู่รอบตัว ซึ่งจะกลายเป็นอดีตและไม่สามารถย้อนกลับได้
มีการพูดถึงการ"ฉกฉวยวันเวลา" ของนักกวีชื่อ Robert Herrick ชาวอังกฤษ ว่า
เป็นบทกวีที่บอกให้เราได้ตระหนักถึงช่วงที่เวลากำลังเคลื่อนผ่านไป ต้องรู้จักที่จะฉกฉวย เก็บในสิ่งดีๆที่อยู่รายรอบตัวให้มากที่สุด ก่อนที่มันจะจากไป เพราะทุกมีการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งของเวลา
ดังนั้นคำว่า "แค่ไหน แค่นั้น" สำหรับผมคือ คำพูดที่เกิดจากอารมณ์ที่รู้สึก ทำใจยอมรับ กับผลของการกระทำ โดยไม่ได้หวังผลอะไร เพราะทุกสิ่งมีเวลาของมัน และทุกสิ่งย่อมมีวันที่หมดอายุ ไม่สามารถต่อเวลาได้ เป็นกฏกติกาของธรรมชาติ เราต้องพยายามมองเห็นคุณค่าของช่วงเวลาที่มีอยู่ และต้องรู้จักที่จะฉกฉวยโอกาส โดยการทำให้ดีที่สุด ทำเท่าที่ทำได้ ทำเท่าที่มีแรงทำ ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมา ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น เพียงเราต้องฝึกเรื่องการจัดการเวลา ไม่ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น และเลือกที่จะทำในสิ่งที่มีคุณค่า กับเวลาที่ต้องจ่ายไป มองทุกสิ่งมีต้นทุนที่ต้องจ่าย ให้กับสิ่งที่ได้มา
พ่อหมูตู้