Mad Unicorn
วันหยุดที่ผ่านมา ได้นอนดูซีรีส์ สงครามส่งด่วน Mad Unicorn (2025) ใน Netflix รู้สึกว่า เป็นหนังดีเรื่องหนึ่งของคนไทย นับเป็นซีรีส์ของไทยที่ทำให้ผมดูต้องดูต่อเนื่อง 7 ตอนจนจบ อยากเตือนคนที่ยังไม่ได้ดูนะ ว่าต้องเตรียมตัวดูหนังยาว 6-7ชั่วโมงเลย หยุดไม่ได้ สนุกดีครับ เนื้อเรื่องถูกสร้างจากเรื่องเล่าในชีวิตจริง ของ คมสันต์ แซ่ลี เจ้าของและผู้ก่อตั้ง Flash Express ธุรกิจสตาร์อัพ(unicorn) ระดับหมื่นล้านในไทยเรา ยิ่งมาฟังบทสัมภาษณ์เรื่องราวชีวิตจริง ยิ่งทำให้ได้รู้ว่า การทำธุรกิจสตาร์ตอัพไม่ได้ง่าย ต้องผ่านอะไรมากมาย ต้องเป็นมนุษย์ที่มีความทะเยอทะยาน บ้า สู้ไม่ถอย สรุปจากการดูเรื่องนี้ คือการที่คนๆหนึ่งจะประสบความสำเร็จตามฝันที่ตั้งไว้ ไม่ได้อยู่กับว่าต้องคาบช้อนทองมาเกิด เพียงมีความมุ่งมั่นไปตามฝัน มีปัญญาบนความทะเยอทะยาน ที่มองโลกอย่างตรงไปตรงมา จนมองเห็นโอกาส ที่จะเอาจุดแข็ง ไปแก้ที่จุดอ่อน(ปัญหา) ความกล้าที่จะทุ่มหมดตัว(All-in)ในสิ่งที่ทำ ในสิ่งที่เชื่อว่าทำได้ โดยมีจังหวะเริ่มต้นที่เหมาะสมในช่วงธุรกิจมีช่องว่างให้ทำ และสิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ คือคนที่พร้อมจะลงเรือลำเดียวกัน (engagement) ถึงแม้สันติจะมีทุกอย่างที่ว่ามา หากไม่มีเสี่ยวหยู หรือรุ่ยเจี๋ย และทุกคนในบริษัทที่ทุ่มเทสุดตัว เชื่อว่า Tunder Express จะไม่สามารถเกิดได้ นั่นคือเนื้อเรื่องในหนังที่สร้างขึ้น นับเป็นแรงผลักดัน จุดไฟ สร้างความฝันให้กับหลายคน ในวันที่มองแทบไม่เห็นเรื่องดีๆในสังคมไทย
ผมเคยใช้บริการ Flash Express ส่งของให้ลูกค้า รวมถึงเป็นผู้รับพัสดุที่ผู้ขายส่งมาให้ แรกๆผมไม่ชอบเลยกับการบริการที่พนักงานส่งพูดจาไม่ค่อยสุภาพ อยากส่งก็มาส่ง นัดไม่ได้ ต้องรอ บางทีโทรถามว่าจะมาส่งประมาณกี่โมง ก็ได้รับคำตอบว่า "ตอบไม่ได้ วันนี้มีส่งหลายที่" สรุปผมต้องนั่งรอที่บ้าน ไม่ไหนไม่ได้ ชีวิตไม่ต้องทำอะไร ผมพยายามทำความเข้าใจในตัวบริษัทที่ทำธุรกิจ และมีบริการแบบนี้ เข้าใจว่า เพราะค่าส่งถูกกว่าเจ้าอื่นในตลาด ต้องลดต้นทุนการขนส่งทุกด้าน รวมทั้งการจ้างพนักงานขนส่ง ที่มี spec ไม่สูง ไม่เน้นการมี Service mind ในการบริการ ไม่เน้นการฝึกอบรมด้านการบริการ ไม่มีระบบการประเมินความพึงพอใจ จึงทำใจกับการใช้และรับบริการจากบริษัทขนส่งแห่งนี้ พอคำว่าส่งผ่าน "Flash" ผมก็จะทำใจ ไม่คาดหวังด้านบริการ มันเป็นเช่นนี้มาตลอด ถ้าผมมีโอกาสพบกับคุณคมสันต์ ผมจะบอกว่าการวางตำแหน่งราคาค่าส่งที่ถูกกว่า และการส่งแบบ Door to Door นั่นเป็นกลยุทธ์ที่ดีแล้ว แต่บริษัทคู่แข่งที่เข้ามาในตลาดนี้ เขาก็ต้องปรับตัวมาทันสักวัน ควรเน้นเรื่องคุณภาพของพนักงานขนส่ง ให้มี Service mind และมีภาพลักษณ์ให้จำในเรื่องดีๆ เช่น สภาพรถ ไม่ขับรถบนฟุตบาท ไม่ขับรถย้อนศร ยูริฟอร์มที่สะอาดดูดี การพูดจา มารยาทที่ต้องมีในการบริการ ซึ่งก็เข้าใจว่าบริษัทเน้นการขนส่ง มากกว่าเรื่องคน ถ้าบริษัทเน้นคุณภาพการบริการมากกว่าที่เป็น จะทำให้บริษัทอยู่ในใจของผู้ใช้บริการแน่นอน
เมื่อหลายปีเคยมีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทขนส่งของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ช่วงที่บริษัท Flash ยังไม่ก่อตั้ง ซึ่งในช่วงนั้น มีแนวคิดจะให้บริการแบบ(door to door) คือรับส่งพัสดุจากผู้ส่งผ่านบริษัทขนส่งไปยังผู้รับปลายทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่ง แต่ก็มีประเด็นที่ว่า จะมีวิธีเช็คพัสดุที่ส่งพวก ยาเสพติด ของผิดกฏหมาย รวมไปถึงวัตถุอันตรายต่างๆได้ยังไง เพราะในปัจจุบัน ทำได้เพียงตรวจบัตร ถ่ายรูป ซี่งอาจปลอมขึ้นมาได้ ก็น่าเป็นห่วง คงต้องรอให้เกิดเรื่องก่อน จึงจริงจังในเรื่องนี้
" YOU CAN IF YOU THINK YOU CAN "
พ่อหมูตู้