โลกมันโหดร้าย แต่มันไม่ห้ามเรามีความสุข จริงหรือ?
เจอข้อความว่า "โลกมันโหดร้าย แต่มันไม่ห้ามเรามีความสุข" เข้าใจว่าผู้สร้างประโยคนี้ขึ้นมา เพื่อให้กำลังใจกับผู้ที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง หรือโดนปัญหาต่าง พากันเข้ามารุ่มเร้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ให้ดึงสติที่จมอยู่กับการไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต ให้รู้จักมองหาด้านบวกของสิ่งที่อยู่รอบตัวที่ให้ความสุขได้ มีคนให้ทัศนะกับคำว่า "โลกมันโหดร้าย แต่มันไม่ห้ามเรามีความสุข" ไว้มากมายบนโลกโซเชียล ต่างให้ความเห็นไปตามประสบการณ์ที่พบเจอมาไม่เหมือนกัน ในมุมมองที่อาจไม่เหมือนกัน ในสถานภาพทางสังคมที่ต่างกัน ผมหมายถึงความต่างของปัญหาและการใช้ชีวิต ส่วนตัวผมเชื่อว่า คนที่จะให้ยืนยันกับคำพูดนี้ได้ชัดเจน คือ ตัวเราเอง และผมก็มีความเชื่อเรื่องหนึ่งว่า หากจิตใจของเรายังตกอยู่ในภาวะของการโดนกระทำอยู่ ในช่วงเวลานั้นเรามักจะลืมเรื่องความสุข และจดจ่อกับการเอาตัวรอดก่อน
โลกมันโหดร้าย? มีคำถามว่า มันโหดร้ายอย่างไร ในมุมมองของผมคิดว่า หนีไม่พ้นความโหดร้ายที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน ทำร้ายกันเอง และสาเหตุใดที่มนุษย์จึงโหดร้าย ตอบได้ยากเพราะมันซับซ้อนและเกี่ยวพันไปถึงเรื่องจิตวิทยา แต่ก็ยังมีคนพยายามอธิบายเรื่องเหตุใดมนุษย์จึงโหดร้ายไว้ (ข้อมูลจาก https://www.bangkokbiznews.com/ วรากรณ์ สามโกเศศ) ดังนี้
1. ด้านจิตวิทยา
(ก) ความโหดร้ายบ่อยครั้งทำให้ผู้กระทำรู้สึกว่ามีอำนาจเหนือเหยื่อ มีความวิเศษกว่าเพราะสามารถครอบงำได้
(ข) การกระทำเป็นการชดเชยทางจิตวิทยาเพื่อลบล้างความรู้สึกโกรธแค้น ความไม่มั่นคง หรือความเจ็บปวดในใจบางอย่าง
(ค) ชาชินกับความโหดร้ายจากความคุ้นเคยผ่านการได้พบเห็นการกระทำ ไม่ว่าในชีวิตจริงหรือผ่านสื่อจนยอมรับว่าความโหดร้ายเป็นเรื่องปกติ
2. จิตวิทยาจากสังคมและวัฒนธรรม
(ก) สังคมที่เห็นความรุนแรงเป็นเรื่องน่าชื่นชม ไม่ว่าผ่านภาพยนตร์ กีฬา พิธีกรรมประเพณี หรือสื่อต่างๆ ทำให้เห็นว่าความโหดร้ายเป็นเรื่องปกติ หรือแม้แต่เป็นความบันเทิง
(ข) แรงสนับสนุนหรือการยอมรับความโหดร้ายจากกลุ่มทำให้บุคคลหนึ่งกระทำความโหดร้ายเพื่อให้ได้รับการยอมรับหรือไม่ถูกปฏิเสธจากกลุ่ม
3. แง่มุมปรัชญาและคุณธรรม
(ก) นักปรัชญาบางคนบอกว่าการมุ่งมั่นมีอำนาจเป็นธรรมชาติของมนุษย์เพื่อความอยู่รอด ความโหดร้ายเป็นการแสดงออกซึ่งความต้องการนั้น หากสังคมอ่อนด้อยเรื่องคุณธรรมที่ต่อต้านความโหดร้ายเมื่อใดก็จะปรากฏให้เห็นเมื่อนั้น
(ข) นักสังคมวิทยาบางคนบอกว่า คนปกติก็สามารถกระทำสิ่งที่โหดร้ายได้หากตกอยู่ใต้โครงสร้างอย่างเป็นระบบ ที่ต้องการให้สร้างสิ่งโหดร้าย และให้มันกลายเรื่อง ปกติ
4. ความบันเทิงจากความโหดร้าย ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของมนุษย์ย้อนหลังกว่า 5,000 ปี นั้นความโหดร้ายเป็นความบันเทิงซึ่งอาจมาจาก
(ก) ความอยากรู้อยากเห็นความตาย การสังเกตเห็นความทนทุกข์ทรมานของผู้อื่นปลุกเร้าความคิดเกี่ยวกับการอยู่รอดของตนเอง เพราะไม่อยากอยู่ในสถานะนั้น
(ข) การเห็นความโหดร้ายจากระยะไกลสามารถสร้างความรู้สึกว่าตนเองปลอดภัยจากความโหดเหี้ยมต่าง ๆ ของมนุษย์
5. ปัจจัยชีววิทยา
(ก) ความก้าวร้าวและความโหดร้ายฝังอยู่ใน DNA ของมนุษย์เพื่อความอยู่รอด และช่วยสร้างพลังอำนาจในการครอบงำทรัพยากรธรรมชาติ
(ข) สำหรับคนบางส่วนการกระทำความโหดร้ายเป็นรางวัลส่วนตัว เนื่องจากไปกระตุ้นการปล่อยสาร dopamine ซึ่งสร้างความรู้สึกพอใจใน ระยะสั้น
6. ลักษณะการเจ็บป่วยทางจิตวิทยา
(ก) sadism บางคนได้รับความสุขจากการสร้างความเจ็บปวดให้ผู้อื่นซึ่งเป็นผลพวงจากความบกพร่องทางบุคลิกภาพ หรือ สภาพร่างกาย
(ข) การขาดความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น (empathy) ในบางกรณี เป็นผลพวงจากสิ่งแวดล้อม ลักษณะทางสภาพจิตฯลฯ
ความโหดร้ายที่กล่าวมา ล้วนเกิดจากมนุษย์ที่กระทำต่อกัน แต่คำว่า "โลกมันโหดร้าย" อาจมาจากหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้ถูกกระทำรู้สึกว่า มันเจ็บปวดต่อจิตใจมากกว่า เช่น คำพูดเชือดเฉือน เสียดสี ดูหมิ่น บูลลี่ ประชดประชัน ฯลฯ นอกจากนี้ก็รวมถึงการกระทำทางอ้อมที่สร้างความเจ็บปวดอย่างจงใจอีกด้วย ได้แก่ การมีชีวิตที่ดำรงอยู่ต่ำกว่าคนทั่วไป ความจน การด้อยสิทธิ์ ความเหลี่ยมล้ำทางสังคม ความไม่เท่าเที่ยม ภาระที่แบกรับ ความด้อยโอกาส ความโชคร้าย ฯลฯ ล้วนสร้างความโหดร้ายให้เกิดกับผู้ถูกกระทำได้ ซึ่งก็ถูกเหมารวมว่า โลกเป็นตัวการที่กระทำ นั่นไม่แฟร์เลย
สมมุติว่าผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวกับลูก มีภาระต้องหาเงินใช้หนี้ ต้องดูแลลูก ต้องแบกรับภาระการเงินคนเดียว ตลอดเวลา ไม่เคยเข้าร้านเสริมสวย ไม่เคยมีโอกาสไปนั่งร้านกินอาหารอร่อย ไม่เคยไปเที่ยว วันๆเอาแต่ทำงาน พักผ่อนน้อย ทำมาหากิน หาเงินอย่างเดียว ไม่มีเงินก็อยู่ไม่ได้ เพราะการมีชีวิตอยู่ต่อไป ต้องใช้เงิน ต้องดิ้นร้นเพื่อเอาตัวรอด .........ถ้าเป็นแบบนี้ คนมองโลกในแง่ดี ก็บอกว่า ถึงแม้จะมีชีวิตที่ลำบาก แต่เราสามารถมองหาและสร้างความสุขจากสิ่งรอบข้างได้ เริ่มต้นจากการให้ความสำคัญกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การใส่ใจกับสิ่งสวยงามในธรรมชาติ หรือการใช้เวลาทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ ,การแบ่งเวลาให้กับสิ่งที่คุณรัก และให้ความหมาย จะช่วยเพิ่มความสุขในชีวิตได้ เชื่อผมเถอะ ในภาวะแบบนั้น ทำได้ยากมาก ลองไปเป็นแบบเขาดูสิ มองแทบไม่เห็นภาพความสุขใดๆ เพราะสมองคิดแต่เรื่องจะเอาตัวรอด จะดิ้นรนด้วยวิธีไหน เพื่อให้มีชีวิตรอด แต่ละวันที่ผ่านไปล้วนมีความหมายต่อความเป็นอยู่ของชีวิต
ได้ฟังพระเทศน์ว่า "ไม่มีใครที่สุขตลอด หรือทุกข์ได้ตลอด" หรือ "ในสุขมีทุกข์ ในทุกข์มีสุข" เพื่อสื่อว่า ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีอะไรที่แน่นอน เปลี่ยนแปลงได้ตลอด ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีความสุขได้ตลอดเวลาเสมอไป ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก แต่อยู่ในตัวเราเอง เพียงแค่เรารู้จักมองหาและใส่ใจความสุขเล็กๆน้อยๆรอบตัว เราก็จะมีความสุขได้ ส่วนความทุกข์ก็เช่นกัน ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ เป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่ได้ เราเพียงต้องวางตัวต่อความทุกข์ อยู่กับความทุกข์อย่างไม่ทุกข์ให้ได้ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการแก้ไขทุกข์ด้วยความเข้าใจเรื่อง อริยสัจ4 (ทุกข์,สมุทัย,นิโรธ,มรรค) โดยเฉพาะ เมื่อเรารู้ว่ากำลังเกิดทุกข์ เราต้องเข้าใจก่อนว่าสาเหตุของการเกิดทุกข์(สมุทัย)คืออะไร เพราะความทุกข์จะเกิดขึ้นมาลอย ๆ ไม่ได้ ต้องมีสาเหตุของความทุกข์ ในขณะที่กำลังมีทุกข์และกำลังจัดการกับสาเหตุของทุกข์อย่างไร ซึ่งก็มีวิธีจัดการที่็แตกต่าง ใช้เวลามากน้อยต่างกัน ดัวยเหตุปัจจัยที่ต่างกัน สิ่งสำคัญที่จะพาเรารอดพ้นจากทุกข์ไปได้ คือสติปัญญา ที่จะพาเราข้ามผ่าน และ หนีจากความคิดลบที่เรียกกันว่า "โลกมันโหดร้าย" ที่เข้ามากระทำต่อการใช้ชีวิตของเรา จนปิดตา ปิดใจ ให้มืดบอด มองหาหรือสัมผัสกับความสุขไม่เจอ ตั้งสติเปิดใจเพื่อเรียนรู้ ยอมรับ และปรับตัว ให้ปล่อยวางในบางเรื่อง ลดความคิดที่ยึดติด ความเป็นตัวเองลง มองเห็นทุกข์และสุขให้ได้ และหาสาเหตุที่เกิดให้ได้ มองเป็นสิ่งที่สมมุติ ที่เกิดขึ้นมาให้เราต้องเผชิญอย่างมีสติ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เดี๋ยวมันก็เข้ามา มองเป็นธรรมชาติของการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุและผล แค่เราหลุดพ้นจากปัญหาสักเรื่อง ก็เป็นสุขแล้ว เอาเป็นว่า "ถึงโลกมันจะโหดร้าย เราต้องอยู่กับความทุกข์อย่างไม่ทุกข์ให้ได้" อย่าไปเหมารวมว่าสิ่งร้ายๆจะเข้ามาทำให้ชีวิตเราต้องแย่ตลอดไป จนทำให้ท้อแท้ ไม่ต้องทำอะไร ไม่มีทางออกของชีวิต ทำให้ติดอยู่ในความคิดลบตลอดไป มนุษย์เกิดมาเพื่อเผชิญกับทุกข์ และทางหาหมดทุกข์ มันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เชื่อว่า สิ่งดีๆมักจะเกิดกับคนทำดีเสมอ
จงเข้มแข็งพอที่จะเดินจากสิ่งที่ทำให้คุณเจ็บปวด
จงอดทนให้มากพอที่จะรอรับพรที่คุณสมควรได้รับ
และจงจำไว้เสมอว่า
สถานการณ์ปัจจุบันของคุณไม่ใช่จุดหมายปลายทางสุดท้ายของคุณ
สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
พ่อหมูตู้