ช้างในห้อง An elephant in the room
คุณเคยเจอเรื่อที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่พูด ไม่อยากไปยุ่ง เดี๋ยวจะเดือดร้อน เลือกที่จะเงียบ ปล่อยให้เป็นไป ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว จนดูเหมือนจะเป็นจำพวกที่ี่ไม่ค่อยใส่ใจ หรือไม่อยากยุ่งกับสิ่งแวดล้อมที่ดำรงอยู่ หรือไม่รู้ว่าจะทำยังไง หรือเห็นว่ายากที่จะแก้ไข แทบไม่มีทาง หรือคิดว่าควรอดทน อีกหน่อยก็จะคุ้นชินและกลายเป็นความผิดที่เป็นเรื่องปกติ เป็นมุมมองความคิดที่แตกต่างกันไป ในภาษาอังกฤษ มีสำนวน "An elephant in the room" เป็นสำนวนเปรียบเทียบ เป็นคำพูดเชิงอุปมาอุปมัย หมายถึง เรื่องจริงหรือปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้น แบบที่เห็นอยู่ต่อหน้าประจักษ์แก่สายตา แต่กลับปล่อยละเลยโดยเจตนา ตั้งใจทำเป็นมองไม่เห็น เช่นถ้าหากมี ช้าง ในที่นี้เปรียบเหมือนมีปัญหาหรือเรื่องบางอย่างที่ใหญ่โตจนเราเห็นอยู่ชัดๆ ยืนอยู่ในห้อง แต่คนที่อยู่ในนห้อง (คนที่เกี่ยวข้องหรือคนที่สามารถแก้ไขปัญหาได้) กลับเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนใจ แต่เพราะพวกเขาไม่ได้เดือดร้อนกับการมีอยู่ของมัน หรือไม่ก็ไม่อยากกวนน้ำให้ขุ่นหรือสร้างความบาดหมางให้กับใคร ซึ่งคล้ายกับสุภาษิตไทยที่ว่า "เอาหูไปนา เอาตาไปไร่"
ในสังคมที่มีแต่การอะลุ่มอล่วย การช่วยเหลือ สนับสนุน และส่งเสริมคนของตัวเอง ในระบบพรรคพวก คนที่มีอำนาจมีสิทธิ์เหนือกว่าคนปกติ และเงินเป็นตัวการสำคัญในการทำเรื่องผิด มองให้ดีๆจะเห็นภาพช้างตัวใหญ่หลายตัว บางทีเป็นช้างสีชมพู "The Pink Elephant in the room"ซึ่งเป็นขั้นกว่าของสถานการณ์ช้างปกติ นั่นคือ มีช้างตัวใหญ่ สีชมพูโดดเด่นยืนตรงหน้าแล้วก็ยังไม่เห็น เรียกได้ว่า มีการเดินพาเหรดกันเป็นโขลง เพ่นพ่านในออฟฟิค ตามตลาด ตามถนน รอบตัวเรา แล้วอะไรที่ทำให้มองไม่เห็น หรือเห็นแล้วนิ่งเฉย ส่วนหนึ่งก็มาจาก ความคุ้นชิของการใช้ชีวิต จากการปฏิบัติที่สืบต่อกันมาเป็นประเพณี หรืออาจเป็นค่านิยมที่ทำกันในองค์กร หรือในสังคม ที่ปิดตาไม่ให้เห็น หรือมองเห็นแต่เป็นเรื่องปกติที่จะไม่พูดถึง ซึ่งเป็นอันรู้กัน เรื่องนี้ผมไม่หวังให้ทุกคนต้องลุกขึ้นมาปรับตัว ให้เรียกร้อง ต่อสู้ ให้เกิดความถูกต้อง เพื่อความเป็นธรรมในองค์กรหรือสังคม ซึ่งมันยาก แทบเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่เราเองก็ยังต้องดิ้นรนในการใช้ชีวิตในสังคมแบบนี้อยู่ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่หวังให้ทุกคนได้ ตระหนักถึงว่า การที่เราเห็นการทำไม่ดี ก็ให้รู้ว่า เป็นเรื่องไม่ดี ไม่ต้องนำมาเป็นตัวอย่าง ไม่ต้องทำตาม ไม่ต้องสนับสนุน ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ที่เอาไว้เตือนตัวเองในการใช้ชีวิตบนเส้นทางที่คิดดี ทำดี อย่าลืมตัว จนหลงไป จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของช้าง ให้คนมองเห็นเราเป็น ช้างอีกตัว
เพื่อเปิดโหมดการมองเห็นช้าง รอบตัวเรา ผมจะลองยกตัวอย่าง (เป็นมุมมองของผมเอง) คิดเสียว่า อ่านเรื่องเล่าในใจของคนแก่คนหนึ่งมาเล่า(บ่น)ให้ฟัง
> ผู้นำบางคน รับของ หรือได้รับการสนับสนุนจากผู้ค้าที่มีผลประโยชน์ทางการค้าต่อกัน ถึงแม้จะมีกฏระเบียบ แต่การให้ไม่จำเป็นต้องทำในที่ทำงาน และทำได้หลายรูปแบบ เช่นแทนที่จะเอาของมาให้ที่ทำงาน ก็เปลี่ยนไปให้ที่บ้าน
> บางหน่วยงานต้องการซื้ออุปกรณ์ใช้เอง จัดทำสเปคเอง สรรหา Supplier เอง จัดซื้อเอง ตรวจรับเอง
> หัวหน้างาน หูเบา ชอบฟังแต่ความข้างเดียวจากคนใกล้ชิด แล้วตัดสินใจลงโทษอีกคนที่ไม่มีโอกาสชี้แจงเลย
> ผู้นำมีพฤติกรรมเป็นชู้กันในที่ทำงาน เป็นเรื่องซุบซิบ นินทาภายในองค์กร ที่ไม่มีการสอบสวนจริยธรรม
> ผู้นำที่เป็นเผด็จการ ทุกคนในองค์กรรู้ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง เพราะเกรงกลัวอำนาจ ไม่อยากขัดแย้ง ได้แต่แสดงออกว่าเขาเป็นคนดี อยู่ด้วยกันด้วยคำเยินยอ หลอกกันไป จนทำตัวเป็นว่าไม่เคยมีสิ่งนี้อยู่ในองค์กร
> การแต่งตั้งที่ไม่ยุติธรรม จากผู้มีอำนาจที่ไม่เที่ยงธรรม หรือจากการแทรกแซงของพลังที่เหนือกว่า
> การกลั่นแกล้งภายใต้ความถูกต้องของระบบ(ที่ไม่ปกป้องคนดี) เช่น โยกย้ายคนไปทำงานในเรื่องไม่ถนัด ไม่ให้อำนาจ หรือไปทำงานภายใต้คนที่เคยขัดแย้ง หรือเรียกว่า "ส่งไปตาย" เพียงเพราะไล่ออกไม่ได้
> เงินรัฐช่วยคนสูงอายุ แต่ละเดือน ไม่เป็นไปในทางเดียวกันกับ ค่าไฟ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น
> เงินค่าทำฟัน ของระบบประกัน ที่ให้ไม่เพียงพอ กับความเป็นจริง
> ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ประกาศว่า ขายใบละ 80 บาท
> สถาบันการเงินที่บอกว่า กู้ได้ง่าย สินเชื่อช่วยผู้ประกอบการ เวลาไปขอจริง พิจารณารายได้ของธุรกิจต้องมีมากพอ (ถ้าเขามีรายได้มากพอ ธุรกิจราบรื่น คงไม่ต้องมาขอสินเชื่อที่ต้องแบกรับดอกเบี้ยหรอก ) อาจเข้าใจผิด คิดว่าเขาจะช่วยธุรกิจที่กำลังแย่ แต่เป็นช่วยธุรกิจที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีขึ้น
> ห้างสรรพสินค้า ,ร้านค้าปลีกงดแจกถุงใส่สินค้า อ้างเพราะลดโลกร้อน(ทุกวันนี้ก็ยังร้อน และยิ่งร้อนกว่าเดิม) ในขณะยังขายถุงให้ลูกค้าที่ต้องการใช้
> กลุ่มคนจับกลุ่มกัน ยึดพื้นที่สาธารณะ ตั้งวินได้เอง ยึดริมถนน ศาลาที่พัก ปากซอย ทำไปสักพัก ค่อยไปเข้าอยู่ในระบบของผู้จัดระเบียบ เช่นเดียวกับ รถเข็น หรือรถยนต์ที่นำมาจอดขายของกินริมทาง ข้างถนน จอดขายไปก่อน แล้วมีคนมาเก็บเงินค่าอนุญาติให้ขาย ปล่อยให้ขายกัน ละเมิดกันไป หรือ ร้านซ่อมรถริมถนน ที่ปล่อยให้เอารถมาจอดริมถนน เอารถมาซ่อมบนทางเท้า บนถนนสาธารณะ บางรายนำซากรถเก่ามาจอดทิ้ง กั๊กที่ไว้อีก ราวกับว่าเขาเสียภาษีมากกว่าผู้อื่น หรือ อยากทำธุรกิจห้องพัก,ทำบริษัท ติดถนน หรือในซอย แต่ไม่คิด ไม่เตรียมพื้นที่จอดรถให้ผู้เข้าพัก หรือพนักงาน ปล่อยให้ไปจอดขวางหน้าบ้านที่อยู่ใกล้เคียงให้เดือดร้อน
> เวลาจะซ่อมถนนหลายวัน ไม่เห็นมีแผนบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการปิดทางที่ปกติประชาชนใช้อยู่ เช่น จะปิดซ่อมสะพาน มันควรจะมีสะพานสำรอง หรือเส้นทางเพิ่มขึ้นมาใช้ชั่วคราวไหม๊ ไม่ใช่ติดป้ายประกาศ ปิดเส้นทางหรือลดเลนที่เคยใช้ปกติ ซึ่งทำให้รถยิ่งติดมากขึ้น และเวลาปิดกั้นถนน ตอนกลางวัน มองไปในพื้นที่ ก็ไม่เห็น หรือมีคนงานไม่กี่คน
> การปลูกต้นไม้บริเวณทางเท้าตั้งแต่อดีตมา ไม่เป็นแนวทางเดียวกัน อยากปลูกก็ปลูก และไม่คำถึงผลกระทบที่อาจมีผลต่อระบบต่างๆในระยะยาว
> รถไฟฟ้า ที่เป็นสกู๊ตเตอร์ หรือรถสามหรือสี่ล้อ ประเภทไม่มีทะเบียน ยังคงเห็นขับวิ่งในซอย บนฟุตบาท หรือถนนสาธารณะ (ไม่กำหนดให้ทำถูกต้อง)
> ถ้าเราขับรถไปชน หรือถูกรถซาเล้งเก็บของเก่าตามซอยชน ประกันเคลียร์ยังไง
> เวลาอนุมัติให้สร้างตึกสูง คอนโด ได้พิจารณาเรื่อง ผลกระทบต่อระบบจราจรบนถนน ที่ต้องมีรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดิมตามจำนวนห้องที่สร้างขึ้น กับพื้นที่จราจรที่มีอยู่เท่าเดิม
> ทุกวันนี้ยังมีการฟอกเงินคือได้เงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องตามกฏหมาย มาทำให้ถูกต้อง โดยที่เราก็เห็นแต่ไม่รู้ ฯลฯ
เราอาจจะเคยเจอกับเรื่องเหล่านี้ และก็ปล่อยให้มันเป็นไป ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับชีวิตเรา เพราะชีวิตการทำงานต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายในแต่ละวัน บางปัญหาอาจไม่อยู่ในสถานะที่ไม่ถูกมองเห็น หรือมีภาวะล่องหน รู้ว่ามีอยู่จริง แต่ไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมา ซึ่งเกิดได้จากเหตผลมากมาย แต่ประเด็นที่สำคัญ คือ ปัญหาที่ว่านี้ มันเป็นตัวการทำให้บรรยากาศการอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานในออฟฟิศหรือการใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ที่ย่ำแย่ บางที การหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงปัญหาที่แท้จริง ยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ปัญหาก็ยังอยู่ตรงนั้น ไม่ถูกแก้ไข การไม่พูดถึงมัน ไม่ได้ทำให้มันหายไปแต่อย่างใด และอาจพัฒนาไปเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า ในวงที่กว้างกว่า หรือรุนแรงกว่า แต่ผมเชื่อว่า บางปัญหาต้องรีบแก้ ไม่ให้เสียหายมากกว่านี้ แต่บางปัญหา ถ้ายังไม่แก้ตอนนี้ อาจถูกแก้ไขด้วยเวลาที่เปลี่ยนไป หรือมีการเข้ามาทดแทนสิ่งเดิม ทุกสิ่งอาจถูกลบล้างไป แล้วตั้งขึ้นมาใหม่ ดำเนินด้วยกฏใหม่ๆ ไว้จะเล่าให้ฟังในบทความหน้า เช่น ตึกจอดรถแห่งนี้ใกล้โรงเรียน ช่วงเย็น เลิกเรียน มักจะมีปัญหาเด็กนักเรียนมาพลอดรักกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งโรงเรียนก็รู้ เพราะได้รับแจ้งจากผู้พบเห็น แต่ก็ไม่ได้แก้ไขอะไร เพียงส่งอาจารย์มาเดินตรวจไม่กี่วัน หรือมาตรวจตามที่มีผู้แจ้ง อยู่มาวันหนึ่งเขาทุบตึกจอดรถ เพื่อก่อสร้างทำตึกคอนโดใหม่ ปัญหาเด็กนักเรียนก็หมดไป ซึ่งมันก็ไม่หมดไปจริงหรอก อาจเปลี่ยนไปสร้างปัญหาในที่ใหม่ที่เอื้อต่อแรงปรารถนา สรุปว่า เราต้องมีสติที่จะทันรู้ว่า สิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี และจงทำในสิ่งที่ถูกต้อง เลือกที่จะพูดในสิ่งที่เป็นจริง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และควรเป็น เพื่อการปรับปรุง พัฒนาให้ดีขึ้น หรืออาจนิ่งเงียบต่อปัญหา รอเวลาที่เหมาะสมเมื่อมีโอกาส และสิ่งสำคัญคือ ต้องดู คน ,เวลา,สถานที่ และสถานการณ์ ที่เรากำลังพูดถึงช้างเสมอ
"ถ้าคุณคิดว่า คุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วคุณจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาได้อย่างไร"
-มาร์ค เรคคลาว-
พ่อหมูตู้